หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กลับบ้านเถอะลูก

ลูกผู้ชายคนหนึ่ง...เขียนถึงแม่


คิดอะไรไม่ออกก็บอกแม่
จะส่งแชร์ผ่อนรถหรือปลดหนี้
แม้สินสอดทองหมั้นได้ทันที
ถึงไม่มีแม่ก็หามาประเคน

ถ้าเพื่อลูกยอมเชือดแม้เลือดเนื้อ
ไม่เคยเทียบค่าของเกลือกับพิมเสน
หากเพื่อลูกแม่ยอมทำทุกรรมเวร
ไม่มีกฏไม่มีเกณฑ์เป็นความรัก

แม่ยอมหิวเพื่อให้ลูกได้อิ่ม
แม่ฝืนยิ้มเพื่อลูกแม้ทุกข์หนัก
แม้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามามากนัก
ก็ไม่เคยผ่อนพักได้สักครา

ลูกยิ่งโตแม่ยิ่งจนทนต่อสู้
แขนสองข้างบ่าทั้งคู่ยังแกร่งกล้า
ดวงตาที่แห้งผาดหยาดน้ำตา
ยังห่วงหาปกป้องคุ้มครองภัย

ลูกได้ดีมีสุขสนุกแท้
คิดถึงแม่เป็นคนแรกก็หาไม่
คิดถึงใครคนหนึ่งได้ซื้งใจ
แต่ลืมใครคนหนึ่งซึ่งรักเรา

วันนี้.....
ลูกได้ดิบได้ดี...แต่แม่เหงา
เป็นคนแก่ผมหงอกสีดอกเลา
หลังโก่งคู้อยู่กับเหย้าหุงข้าวเอง

ขณะลูกรับประทานที่ร้านอาหาร
แม่ตักข้าวใส่จานเสียงโฉ่งเฉ่ง
ลูกกินเลี้ยงสังสรรค์อย่างกันเอง
แม่เปิปข้าวอย่างวังเวงที่ก้นครัว

ลูกมีเพื่อนมีคู่ไปดูหนัง
เป็นเจ้ามือจ่ายตังค์เข้าซื้อตั๋ว
หาความสุขสนุกใจเก็บใส่ตัว
แม่สายตาพร่ามัวคอยลูกมา

ประสบโชคประสบชัยสมหมายมั่น
นัดเพื่อนเลี้ยงสังสรรค์กันพร้อมหน้า
โน่นก็เพื่อน...นั่นก็พี่...นี่ภรรยา
แต่กลับลืมมารดา...สนิทใจ

อยากกลับไปนอนพักบนตักแม่
ทำงอแงให้แม่เอาใจใส่
แล้วออดอ้อนว่ารักแม่มากกว่าใคร
แล้วสวมกอดแม่ไว้ให้นานนาน

ลูกกลับบ้านหวังได้ไปกอดแม่
ลูกชายขี้งอแงจึงกลับบ้าน
พอไปถึงอกแทบแตกใจแหลกราญ
กอดเพียงร่างไร้วิญญาณของมารดา


" วันแม่ "...ผมได้กราบได้กอดแม่แค่ภาพถ่าย
คุณโชคดีนะที่ได้กราบได้กอดแม่จริงๆ
เมื่อไม่มีแม่...จึงได้รู้ว่าแม้ชีวิตจะมั่งมีศรีสุขเพียงใด
ก็ไม่มีความสุขเท่าได้กอดแม่เพียงครั้งเดียว...
ได้รู้ว่า...ชีวิตที่ไม่มีแม่ คือชีวิตที่ไม่มีอะไรเลย
ขอยกย่องเทิดทูนแม่ทุกคน
ถ้าคุณมีแม่...คุณไปกอดแม่เถอะ
เพราะคุณอาจมีโอกาสได้กอดท่านอีกไม่กี่ครั้งก็ได้ 
ด้วยรักและปรารถนาดี
ชูชาติ ครุฑใจกล้า


จากบทประพันธ์ของคุณชูชาติ ครุฑใจกล้า
" กลับบ้านเถอะลูก "
กวีนิพนธ์ รางวัล Seven Book Awards

การเดินทางของ "แม่" คนหนึ่ง

พบกับเรื่องราวของ ' ผู้เป็นแม่' ที่น่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง
ในวันที่สามของการไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

สมมุติว่าแกชื่อว่า... ' ป้าใจ' ก็แล้วกันนะคะ
ฉันได้รู้จักกับแกก็เพราะว่า..
เจ้าหน้าที่ให้ฉันย้ายข้าวของออกจากโรงเรือนที่นอนมาแล้วสองคืน ไปหาที่นอนใหม่
เพราะว่าจะมีคณะของทหาร (ไม่รู้มาจากหน่วยไหน) ประมาณ 300 นาย
ถูกส่งมาฝึกปฏิบัติกรรมฐานในบ่ายวันนั้น

ฉันหอบของเดินมาที่โรงเรือนใกล้ ๆ กัน เปิดประตูเข้าไป มองเห็นที่ว่างอยู่ จึงตรงปรี่ไปที่นั่นทันที
และตรงนั้น มีป้าใจ กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่
แรก ๆ ฉันออกจะไม่ไว้ใจป้าแกนัก เพราะแกบอกว่า แกเป็นคนร่อนเร่
ร่อนเร่ไปตามวัดต่าง ๆ ไปอาศัยข้าววัดกิน อาศัยที่วัดนอน...
ออกจากวัดนั้น ไปวัดนี้ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดมุ่งหมาย...
ใครบอกที่วัดไหนมีคนไปเยอะ แกก็จะไปวัดนั้น เพราะนั่นหมายความว่า...
แกจะมีข้าวกินพออิ่มรอดไปวัน ๆ แน่นอน

ยามฉันนอน ฉันก็จะระวังตัว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวไป
โทรศัพท์ก็ไม่ได้พกไป จะมีก็แค่สร้อยทองที่คล้องอยู่กับคอ เส้นก็ไม่ใหญ่นัก
สตางค์ที่พกไปพอทำบุญ และใช้หนี้สงฆ์ กับซื้อหนังสือของหลวงพ่อกลับบ้าน

อีกวันถัดมา แกก็มาบอกลา ว่าจะกลับแล้ว จะติดรถไปกับเพื่อนใหม่ ที่แกมารู้จักที่นี่
แกเปลี่ยนจากชุดขาว เป็นชุดธรรมดาเรียบร้อย รอติดรถเพื่อนแกจะไปลงแถว ๆ ลาดพร้าว

คืนวันนั้น ฉันยังเจอแกใส่ชุดขาวอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิน
ฉันไม่ได้ถาม หรือซักไซร้ไล่เรียงอะไรแก แต่กลับรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
พลันคิดต่อตัวเองว่าในใจว่า...
ทรัพย์สินของฉันเมีเพียงแค่นี้...ฉันก็ยังทำหวงไปได้ ทำให้จิตใจตัวเองกังวลไปเปล่า ๆ
ดูป้าแกไม่ใช่คนมือไว หรือคน 'ขี้ขอ' เลยสักนิด ฉันไม่เคยเห็นแกขอเงินใครสักคนเลย

รุ่งเช้า หลังจากทำวัตรเช้า และทานอาหารเช้าเสร็จ
ฉันจึงนั่งคุยกับป้าใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก
' ป้าเป็นคนที่ไหนเหรอคะ'
' ป้าเป็นคนเพชรบูรณ์จ้ะ'
' ป้าไม่มีลูกบ้างเหรอคะ'
' ป้ามีลูกสามคน สองคนน่ะเป็นผู้ชาย โตกันหมดแล้ว คนเล็กเป็นลูกสาว ป้ายกให้คนขับรถตู้ที่รู้จักกันตั้งแต่แปดขวบ'
' แล้วทำไมป้าไม่ไปอยู่กับลูกชายล่ะคะ ทำไมป้าต้องมาร่อนเร่อย่างนี้ด้วย'

ป้าเงียบไปพักหนึ่ง นั่งชันเข่า แล้วกอดเข่าเอาไว้ เหมือนจะหาหลักยึดร่างกายแกเอาไว้
กันมันสั่นไหวโยกไปตามแรงสะอื้น ที่แกพยายามปกปิดฉัน ด้วยการหันหน้าไปทางอื่น
' ป้าไปหามันแล้ว มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย มันบอกว่าเพิ่งโดนไล่ออกจากยามมา ลูกป้าตนนี้มันทำงานไม่ทนร้อก'
' แปลว่าเค้ากำลังตกงานเหรอคะป้า'
' มันได้งานใหม่แล้ว เป็นยามอยู่แถวรังสิต แต่มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย เพราะมันเพิ่งทำงาน มันบอกมันไม่มีปัญญาเลี้ยงป้าน่ะ'
' ดูป้าก็ไม่ใช่คนกินจุซักหน่อยเนาะ แล้วลูกชายป้าอีกคนล่ะ'
' คนนั้นน่ะ มันทำให้ป้าต้องมาร่อนเร่อยู่อย่างนี้ไงล่ะหนู'
' อ้าว...ทำไมเหรอคะ'
' ก็มันน่ะไปหุ้นกะผู้หญิง แล้วผู้หญิงเค้าโกงไปหมดเลย มันก็เลยกลับมาอยู่บ้าน กลับมาก็ไม่ทำอะไรหรอก หาเรื่องทะเลาะกับญาติคนโน้นคนนี้เค้าไปทั่ว ทะเลาะกันจนเค้าตัดไฟบ้านป้าเลย ป้าขอต่อพ่วงไฟจากบ้านเค้ามาน่ะ'
' ทะเลาะกันรุนแรงเลยสิคะ'
' ฮื่อ พอเค้าตัดไฟ ไอ้ลูกป้าก็หนีหายไปอยู่ที่อื่น พอมันไปแล้ว ญาติ ๆ ก็มายืนด่าป้าปาว ๆ ที่หน้าบ้านทุกวัน ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ป้าก็อับอายเค้า แถมมืดลงก็มองอะไรไม่เห็น เพราะเค้าตัดไฟ ป้าก็เลยต้องออกมาร่อนเร่อย่างนี้แหละหนู มันคงเป็นกรรมเวรของป้าเอง ป้าเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เกิด ไปทำงานก่อสร้างที่ไหน ๆ ก็ต้องหอบกระเตงมันไป ป้ากินอย่างอด ๆ อยาก ๆ เพราะต้องหาให้มันกินจนอิ่มก่อน หาเงินส่งเสียให้พวกมันเรียนจนจบม. 3 พอมันโตทำงานกันได้ ป้าก็ยังต้องอด ๆ อยาก ๆ เหมือนเดิม ไม่รู้นะ ว่าป้าทำกรรมทำเวรอะไรมา'

ฟังถึงตรงนี้ กลับเป็นฉันเองที่ต้องแอบเบือนหน้าหนีแก เช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางป้อย ๆ ด้วยความสงสาร
เออหนอ...โลกนี้ช่างขาดความยุติธรรมเสียจริง ๆ ทีกับฉันที่อยากจะเลี้ยงดูพ่อใจแทบขาด
สวรรค์ก็แกล้งเอาลมหายใจพ่อของฉันไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น
แต่กับป้าคนนี้ สวรรค์กลับปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อย่างทุกข์ทน
ทำไมลูก ๆ ของป้าจึงกลับไม่เหลียวแลเลยสักนิด...
ทำไมพวกเค้าไม่ยินดีกับ โอกาส ที่ได้...โอกาสที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนต้องการที่จะได้รับ
ทำไมพวกเค้าปฏิเสธ โชคดี ที่พวกเค้ากำลังได้รับ...โชคดี ที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนก็วาดหวัง

' แล้วป้าจะไปไหนต่อจ๊ะ'
' จริง ๆ ป้าก็อยากทำงาน แต่ไปที่ไหน ๆ เค้าก็ไม่รับ บอกว่าป้าแก่แล้ว
พอดีเพื่อนคนเมื่อวานที่ป้าจะกลับด้วยน่ะ เค้าให้ที่อยู่ไว้ ให้ป้าไปสมัครเป็นแม่บ้านที่ปั๊มน้ำมันเพื่อนเค้าน่ะ'
' ดีจัง แล้วป้าจะไปยังไงล่ะคะ'
' พอดีเมื่อวาน รถเค้าเต็ม วันนี้สาย ๆ ป้าว่าจะออกไปนั่งรถเมล์ไปกรุงเทพน่ะ'
' แล้วป้าไปถูกเหรอคะ'
' ป้าไปมาหมดทั่วประเทศแล้ว ไปไม่ยากร้อก แค่ลาดพร้าว 85 เอง'
' ฮ่ะ ๆ ป้าเก่งกว่าหนูอีกนะเนี่ย หนูยังไปกรุงเทพไม่ค่อยถูกเลย'
ป้าแกส่งเสียงหัวเราะตามฉันพร้อมพูดว่า...
' ถ้าหนูอยากไปไหนบอกป้านะ เดี๋ยวป้าจะพาไป'

ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ จะแปดโมงแล้ว ถึงเวลาปฏิบัติกรรมฐานอีกแล้ว
ฉันจึงขอตัว ก่อนจากกัน ฉันหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนรูดซิบกระเป๋าใบเล็กที่คล้องคออยู่ ที่แสนจะหวงนักหวงหนาเมื่อคืนก่อน ฉันควักเงินออกมาแล้วยัดใส่มือแก พร้อมพูดว่า
' หนูช่วยป้าพอค่าเดินทาง กับค่าอาหารได้แค่สองวันนะจ๊ะ'

ป้าใจแกยกมือท่วมหัว ปากก็พร่ำคำขอบคุณคำอวยพรต่าง ๆ นา
ฉันมองเห็นใบหน้าป้าที่เปี่ยมสุข...ก่อนฉันหันหลังเดินจากป้าใจมา พร้อมน้ำตาที่เอ่อท่วมท้น...
เงินเพียงน้อยนิด สร้างสุขให้ป้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ

แล้วป้าเค้าจะได้งานทำหรือเปล่านะ หากไม่ได้งานทำเพราะเหตุผลเดิม ๆ
ป้าใจแกก็ต้องเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิม...
ชีวิตแก จะต้องเดินทางต่อไปอีกยาวไกลแค่ไหนนะ...

ฉันขอภาวนา ให้ลูก ๆ ของป้าสักคน หยุดการเดินทางของ 'แม่' ของเขาด้วยการเลี้ยงดูด้วยเถอะ
แกต้องการแค่ที่นอน และอาหารเพียงสามมื้อที่ไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาแพง ๆ ...แค่นั้นเอง

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ยามเด็กแม่อุ้มชู...เลี้ยงดูเจ้า
แม่ต้องเฝ้า   ยามเจ้าป่วย  ร้องไห้จ้า
ต้องแบกหาม   จนบ่าทรุด  เลี้ยงเจ้ามา
ทั้งการศึกษาให้แก่เจ้า...อย่างลำเค็ญ

แม่เพียงหวังเห็นเจ้าได้เติบใหญ่
พร้อมกับใจรักแม่ ที่ยากเข็น
ไม่เคยขอสิ่งใดเกินจำเป็น
เพียงทำเช่นแม่เคยทำ...กับเจ้ามา

ลูกหลายคนแม่เลี้ยงเจ้ามาได้
แม่คนเดียวไฉน...จึงปล่อยลำบากหนา
ต้องเร่ร่อนนอนวัดพลัดถิ่นมา
กินน้ำตาต่างข้าวไปวัน...วัน

แลกข้าวแม่แต่ละมื้อ..กับบุหรี่ได้ใหมเล่า
ที่เจ้าเฝ้าเผาพ่นเพลินอย่างสุขสันต์
แลกที่ซุกหัวนอนให้แม่...กับน้ำจันท์
ขอแลกมันกับค่าน้ำนมแม่...ได้ใหมเอย


ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยค่ะ

ขอให้ลูกกตัญญูทุกคน.มีความสุข ความเจริญตลอดไป

วิธีใช้หนี้พ่อแม่ : ฉบับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

1.จงสร้างความดีให้กับตัวเอง  และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

3. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ
ท่านยกตัวอย่าง (เรื่องจริงนะ)

ตัวอย่าง ที่ 1
บ้านหนึ่งพ่อมีเมีย ๔ คน เมียหลวงบอกลูกว่าพ่อเจ้าไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อว่าพ่อ  แล้วมาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาท  นี่แหละบวชก็ไม่ได้ผล หลวงพ่อก็ให้ไปถอนคำพูด และขอสมาลาโทษกับพ่อเขาก่อน แล้วกลับมานั่งกรรมฐานจึงได้ผล   (กรณีนี้ หลวงพ่อจะเตือนผู้เป็นลูกบ่อยๆไม่ให้ว่าพ่อ) แต่ให้เป็นเรื่องของแม่ที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งหลวงพ่อสอนไว้แล้ว

ตัวอย่าง ที่ 2
เมื่อเร็วๆนี้ลูกฆ่าพ่อ แม่สงสารพามาเจริญกรรมฐานพอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ปวดหัวเข้าไม่ได้นี่เวรกรรมตามสนอง ปิตุฆาต มาตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ทำกรรมฐานไม่ได้แน่นอน ต้องหันรถกลับ นี่เรื่องจริงในวัดนี้ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้ คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆน้องๆ   จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส   อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย   คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ


นี่แหละ ท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ    หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดา มารดา

ตัวอย่าง ที่ 3
"หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง"


เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้  บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ
แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่
ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ
ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...
พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

7. ลูกหลานโปรดจำไว้  เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่   ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม   ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย   ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา......... พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ

10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย   คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ   นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล

ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว


" สว่างตาด้วยแสงไฟ  สว่างใจด้วยแสงธรรม "

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มหัศจรรย์แห่งชีวิต

ได้อ่านเรื่องราวดีๆ ที่เพื่อนส่งมาให้  รู้สึกว่ามีข้อคิดที่น่าสนใจในการใช้ชีวิตซึ่งคำถามต่างๆ เหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คนก็ได้  และบางข้อมันก็ทำให้ฉุกคิดกับตัวเองถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันว่าเรามองสิ่งที่อยู่รอบข้างเราอย่างไร  ท่าน ว.วชิรเมธี ได้ตอบคำถาม 20 ข้อไว้เป็นที่น่าสนใจมาก  เราเห็นว่าอาจจะมีประโยชน์กับคนอื่นจึงนำมาฝากกัน  เป็นข้อความบางส่วนจากหนังสือ "มหัศจรรย์แห่งชีวิต และ7 หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี"


1. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?
ไม่อยากให้เกิดต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก  ให้เงินลูกน้อยๆ  ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ  ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
2. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
- ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
- ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
- ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
- ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
3. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
ปลาที่ยังเป็นอยู่  ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ  ส่วนปลาตายมักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ  แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข
4. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน  แฟนส่วนแฟน  รู้จักแบ่งเวลาให้งาน  รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน  และอย่าเสียแฟนเพราะงาน
5. โกรธ!! ถูกเพื่อนนินทา ?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว  คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย  คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
6. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กจะทำอย่างไรดี ?
- ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
- ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
- ถามแฟนว่าจะเลือกใคร  ก็ให้รีบทำ  ไม่รักฉัน  อย่าทำให้ฉันเสียเวลา
7. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนจะทำอย่างไร ?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น 
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
8. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?
- รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
- อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
- เรียงลำดับความสำคัญของงาน  สำคัญก่อนให้รีบทำ  สำคัญน้อยให้ทะยอยทำ
9. ทำงานดี  มีแต่คนริษยาจะรับมืออย่างไร ?
โบราณว่าไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม  คนเด่นต้องมีคนด่า  คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี  คนทำงานดีจึงมีคนริษยา  ปรากฏการณ์เช่นว่านี้เป็นของธรรมดา  ทำงานดีจนมีคนริษยายังดีกว่าทำงานไม่ดี  จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา
10. ทำงานแทบตายเงินไม่พอใช้  ทำอย่างไรดี ?
- หางานใหม่
- ลดความต้องการให้น้อยลง  อยู่กับความจริงให้มากขึ้น
- บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์  อย่ามุ่งประดับ
- ทำบัญชีรายรับรายจ่าย  รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด  จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
11. ถูกนายด่า  อารมณ์เสีย ?
คนที่ด่าคนอื่น  สะท้อนว่าระบบข้างในใจกำลังจะพัง 
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า  แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
12. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด  คุณได้บุญ  แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด  คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ  คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลงจะดีกว่า
13. แฟนติดหนังเกาหลี  ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน  ถึงเธอจะติดหนังเกาหลีก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
14. ลูกค้าจู้จึ้  ทำอย่างไรดี ?
- จูจี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียนผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
- ลูกค้าจู้จี้ได้  แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ  ดีกว่าไม่มีลูกค้าเข้าร้านนะ
15. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร ?
- ได้ถามตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ?
- ได้ถามตัวเองว่าเราเกิดมาจากใคร ?
- ได้ถามตัวเองว่าเรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง ?
16. สวดมนต์บทไหนดี ?
- สวดพุทธคุณ  เพื่อเตือนว่าจงเป็นผู้ตื่น
- สวดธรรมคุณ  เพื่อเตือนว่าจงเว้นสิ่งที่ควรเว้น  จงทำสิ่งที่ควรทำ
- สวดสังฆคุณ  เพื่อเตือนว่าพระอรหันต์ที่แท้  คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง
17. สามีไม่สนใจธรรมะเลย  ทำอย่างไรดี ?
- เราควรมีธรรมะให้เขาดู
- เราควรอยู่ให้เขาเห็น
- เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส  เพราะหนึ่งการกระทำสำคัญกว่าล้านคำพูด
18. โดนขับรถปาดหน้าโมโหมาก ?
- บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่  โมโหคือบ้า  ด่าคือมาร  ระรานคือบาป
- เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
- เตือนตนไว้ว่าอย่าขับรถปาดหน้าใคร  เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
19. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทา  จะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า  คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า  ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขาแสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
20. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?
ผู้รู้บอกว่า  ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ  กองขยะดูดึๆ ยังมีศิลป์   ดังนั้นในสิ่งที่คุณไม่ชอบ  ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน  มองอย่างพินิจจะพบว่า  ในดีมีเสีย  ในเสียมีดี

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เพลง...เพื่อแม่

ไปฟังด้วยกันค่ะ 
อิ่มอุ่น


แม่


ค่าน้ำนม


กล่อม


เรียงความเรื่องแม่


ใครหนอ


น้ำตาแม่


ลูกที่แย่...อยากเป็นแม่ที่ดี


แม่ของเรา


รักแท้คือแม่เรา


คือหัตถาครองพิภพ


ด้วยมือของเธอ

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เก็บรอยยิ้มมาฝาก

ไม่ว่าเมื่อวาน จะเจอเรื่องร้ายอะไรมา

แต่วันนี้วันใหม่......ขอให้ยิ้มสู้